วันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2553

สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล (ตอนที่ ๑)

กระทำประทักษิณรอบพระมูลคันธกุฏีบนเขาคิชฌกูฏ (ตอนที่ ๑ ขอหยุดไว้แค่นี้ก่อน สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ ทุกท่าน ส่วนต่อไปจะนำไปจาริกบุญกันต่อโปรดติดตามนะครับ)
ถ่ายภาพหมู่ด้านหลังพระมูลคันธกุฏี
อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ สฺวากฺขาโต ภควโต ธมฺโม สุปฎิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ กระทำประทักษิณ ๓ รอบพระมูลคันธกุฎี

กุฏีของพระอานนท์ พุทธอุปัฏฐาก ซึ่งอยู่หน้าพระมูลคันธกุฎี

ยอดเขาคิชฌกูฏ ซึ่งดูจากภาพเห็นว่าเหมือนกับหัวแร้ง ซึ่งเป็นที่มาของเขานี้



ถ้าสุกรขาตา ที่อยู่ของอัครสาวกเบื้องขวาคือพระสารีบุตร ซึ่งเป็นผู้มีปัญญามากและยอดกตัญญู สถานที่นี้พระพุทธองค์ได้ตรัสแสดงธรรมเรื่องเวทนาปริคคหสูตรแก่ทีฆนขอัคคิเวสสนโคตรปริพาชก ผู้ประกาศตนว่าตนไม่ยึดถือทัศนะใด ๆ พระสารีบุตรกำลังนั่งถวายงานพัดดำรงสติระตามกระแสธรรมด้วยปัญญาอันยิ่งเมื่อจบพระธรรมเทศนา จิตก็หลุดพ้นจากอาสวะกิเลสทั้งหลายได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ณ ถ้ำสุกรขาตาแห่งนี้ หลังจากอุปสมบทแล้ว ๑๕ วัน



หน้าถ้ำพระมหาโมคคัลลานะ อัครสาวกเบื้องซ้าย เป็นผู้เลิศในทางมีฤทธิ์มาก ทั้งพระสารีบุตรและมหามหาโมคคัลลานะจัดได้ว่าเป็นมือขวามือซ้ายของพระพุทธองค์ก็ว่าได้



ในกลุ่มของผู้จาริกธรรมในครั้งนี้มีผู้อายุน้อยที่สุดคือคุณยายเกลื่อม ขุนนัดเชียร ดังนั้นในการขึ้นยอดเขาคิชฌกูฏจำเป็นต้องอาศัยบาบูสองคนหามขึ้นไปจนถึงหน้ามูลคันธกุฏี ค่าหาม ๘๐๐ รูปี บวกค่าทิปอีก ๑๐๐ รูปี รวม ๙๐๐ รูปี



ถ่ายรูปหน้าเจดีย์พุทธคยาก่อนกลับ


รอยพระพุทธบาทจำลองด้านหน้าเจดีย์พุทธคยา


สระมุจลินทร์ เป็นสถานที่พระพุทธองค์เสวยวิมุตติสุขประทับที่โคนไม้มุจลินทร์เป็นเวลา ๗ วัน ในช่วงนั้นมีพายุฝนตกพรำตลอด ๗ วัน พระยามุจลินทนาคราชได้เข้าถวายอารักขาด้วยการแผ่พังพานพร้อมด้วยขนด ๗ รอบ เมื่อฝนหยุดตกแล้วพระยานาคราชจำแลงรูปเป็นมาณพหนุ่มถวายนมัสการ ณเบื้องพระพักตร์ของพระพุทธองค์


เสาพระเจ้าอโศกและเจดีย์พุทธคยาถ่ายด้านหน้าสระมุจลินทร์ (คุณยายและคนติดตาม ทส.)

คุณพี่ดุษณี ผู้ร่วมจาริกบุญในครั้งนี้มาพร้อมคุณพี่ธวัชชัย

รัตนจงกรมเจดีย์ ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือ มีหินทรายสลักเป็นดอกบัวบาน จำนวน ๑๙ ดอก เป็นที่พระพุทธองค์เสวยวิมุตติสุขในสัปดาห์ที่ ๓ อยู่ระหว่างต้นพระศรีมหาโพธิ์กับอนิมิสเจดีย์ พระองค์เสด็จจงกรมอยู่ตลอด ๗ วัน



กราบและปิดทองต้นพระศรีมหาโพธิ์


ครอบครัวบุญมาทั้งหมด ๕คนบวกหนึ่ง เดินกระทำประทักษิณอย่างมีความสุข อิ่มบุญกันถ้วนหน้า


หลังจากสวดมนต์เจริญสมาธิภาวนาเสร็จแล้วกระทำประทักษิณรอบพระเจดีย์และต้นพระศรีมหาโพธิ์แล้วบูชาปิดทองต้นพระศรีมหาโพธิ์

พระมหาน้อย บนยอดเขาคิชฌกูฏ ใกล้มูลคันธกุฎีของพระพุทธเจ้า

พระมหาปรีชา กตปุญฺโญ (บรรยายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์) หรือท่านเรียกตัวท่านเองว่าพระมหาน้อย ผู้ทำหน้าที่มัคคุเทศก์ในวันที่๑ และวันที่ ๒ (๒๐-๒๑) ท่านได้ทำหน้าที่ได้อย่างดีมากทำให้ผู้จาริกบุญทุกคนได้ทั้งศรัทธาและปัญญาไปพร้อม ๆ กัน ช่วงที่ท่านทำหน้าที่ท่านให้คำแนะนำสำหรับการไปกราบสังเวชนียสถานทุกที่ให้ระวังเรื่องของขอทานและคนขายของ ให้ถือหลัก ๓ อย่างคือ ๑. ไม่มองหน้า ๒.ไม่สบตา และ ๓. ไม่เจรจาด้วย
หลัก ๓ อย่างถือว่าใช้ได้อย่างได้ผล ประวัติย่อของท่านจากการที่ผมได้เข้าไปกราบตอนค่ำของวันที่ ๒๑ มี.ค. ๒๕๕๓ ทราบว่าท่านเป็นศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยมหามุกฏราชวิทยาลัย (มมร.) รุ่นที่๔๒ ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นน้องของผมปีหนึ่ง ท่านเรียนจบปริญญาเอก ๓ ใบ บวชมา ๓๘ พรรษาแล้ว สำหรับส่วนตัวผมเองประทับใจในการทำหน้าที่ของท่านมาก และถือว่าท่านเป็นธรรมทูตที่ดีเยียมซึ่งคุณไทย (คนทำหน้าที่มัคคุเทศก์ในวัน ๓-๗ ได้ยกย่องท่านว่าเป็นขั้นเทพเชียวล่ะ)


ถ่ายภาพร่วมกัน ดูจากหน้าตาของแต่ละคนอิ่มบุญ แม้ว่าจะเหนื่อยจากการเดินทางมาจากเมืองไทย แต่พลังบุญและพลังใจเต็มเปี่ยมเติมเต็มทุกคน
สวดธัมมจักกัปปวัตนสูตร (เอวมฺเม สุตํ เอกํ สมยํ ภควา ฯลฯ อโหสีติ) สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

พระมหาปรีชา กตปุญฺโญ นำสวดมนต์ สวดบทธรรมจักกัปปวัตนสูตร แล้วนั่งสมาธิเจริญภาวนา ในขณะนั่งทุกคนสัมผัสได้ถึงความสงบและที่อัศจรรย์คือใบต้นพระศรีมหาโพธิ์ร่วงตกลงมาหน้าผู้ร่วมจาริกบุญทุกคน ทำให้ทุกคนได้ใบโพธิ์มากมายหลายใบ ซึ่งสังเกตว่าในวันสุดท้ายที่กลุ่มเรากลับเข้าไปกราบลาที่นี่อีกครั้งพบว่าใบต้นพระศรีมหาโพธิ์ร่วงลงเกือบหมดแล้วถือได้ว่าเป็นความโชคดีของกลุ่มของเราก็ว่าได้




ถ่ายรูปร่วมกันหน้าหลวงพ่อพุทธเมตตา

หลวงพ่อพระพุทธเมตตาภายในเจดีย์พุทธคยา น่าจะสร้างขึ้นในสมัยปาละ มีอายุกว่า ๑,๔๐๐ ปี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย มหาเจดีย์พุทธคยา ซึ่งสันนิษฐานกันว่าพระเจ้าอโศกมหาราชสร้างขึ้นไว้ก่อนคงขนาดเล็กกว่านี้ต่อมาคงมีการต่อเติมและบูรณะปฏิสังขรกันต่อมาตามยุคสมัย เจดีย์ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของต้นพระศรีมหาโพธิ์

สถานที่พระมหาบุรุษทรงอธิษฐานลอยถาดข้าวมธุปายาสที่ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา (น้ำแห้งมีแต่ทรายซึ่งทางคณะเราไปช่วงหน้าแล้งพอดี) แล้วเสด็จไปยังต้นพระศรีมหามหาโพธิ์ซึ่งมองเห็นเจดีย์พุทธคยาอยู่ด้านหลัง


วัวถือว่าเป็นทั้งพระเจ้าเป็นทั้งผู้ช่วยผลิตสินค้าโอทอปและช่วยไถนา (ประโยชน์มากจริง ๆ)


หน้าบ้านของคนอินเดียจะมีสินค้าโอทอปแปะอยู่หน้าบ้าน พร้อมผูกผู้ผลิตไว้ด้วยเป็นการแสดงให้เห็นฐานะของเจ้าของบ้าน

บ้านนางสุชาดาผู้ถวายข้าวมธุปายาสแด่พระมหาบุรุษก่อนตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า